1. 'TIS' (Tis) - ตราสัญลักษณ์ความปลอดภัย
TIS ย่อมาจาก "มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม" และออกโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)
นี่คือเครื่องหมายสำคัญที่สุดที่บ่งชี้ว่าเหล็กมี "คุณภาพ" เหล็กได้รับการตรวจสอบและรับรองคุณสมบัติเชิงกลตามที่กำหนด (เช่น ความต้านทานแรงดึง การยืดตัว) และองค์ประกอบทางเคมี
วิธีการตรวจสอบ: ต้องมีสัญลักษณ์ มอก. "แบบนูน" บนเหล็ก (ไม่ใช่แบบพิมพ์) และระบุชื่อผู้ผลิต ขนาด และเกรด
- เหตุใดจึงจำเป็นต้องมี: หากไม่มี มอก. เราจะไม่สามารถทราบได้ว่าเหล็กเส้นมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับน้ำหนักที่วิศวกรคำนวณไว้หรือไม่ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงที่สูงมาก
2. 'เหล็กน้ำหนักเต็ม' - ข้อกำหนดต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐาน
"เหล็กน้ำหนักเต็ม" ไม่ใช่คำศัพท์อย่างเป็นทางการ แต่เป็นคำที่ใช้ในอุตสาหกรรมเพื่ออ้างถึงเหล็กที่ "ตรงตามมาตรฐาน มอก. 100%"
ซึ่งหมายความว่า หากมาตรฐาน มอก. กำหนดให้เหล็กขนาดนี้ต้องมีน้ำหนัก 10 กิโลกรัมต่อแท่ง "เหล็กน้ำหนักเต็ม" จะต้องมีน้ำหนักใกล้เคียง 10 กิโลกรัม (โดยมีค่าเผื่อเล็กน้อยสำหรับความคลาดเคลื่อนตามที่ระบุในมาตรฐาน) ผู้รับเหมาและวิศวกรใช้เหล็กน้ำหนักเต็มสำหรับงานโครงสร้างหลักที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด
3. 'เหล็กน้ำหนักเบา' - ราคาถูกกว่าแต่มีความเสี่ยงสูงกว่า
"เหล็กน้ำหนักเบา" หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เหล็กที่ไม่สมบูรณ์" หรือ "เหล็กราคาประหยัด" คือเหล็กที่ผลิตขึ้นโดยมีขนาด ความหนา หรือน้ำหนัก "ต่ำกว่า" มาตรฐาน มอก.
หมายเหตุ: ราคาต่ำกว่า "เหล็กน้ำหนักเต็ม" อย่างมากสำหรับขนาดเดียวกัน
- ความเสี่ยง: แม้ว่าเหล็กจะยังคงมีสัญลักษณ์ มอก. (ในบางกรณี อาจเป็นสัญลักษณ์ มอก. หรือเครื่องหมาย มอก. สำหรับเหล็กประเภทอื่นๆ) แต่คุณสมบัติการรับน้ำหนักของเหล็กจะต่ำกว่ามาตรฐาน
- การใช้งาน: ผู้รับเหมาบางรายอาจนำไปใช้ในโครงการที่ไม่ใช่โครงสร้าง เช่น การตกแต่งภายใน รั้วชั่วคราว หรือโครงสร้างที่วิศวกรได้คำนวณไว้แล้วว่าสามารถรองรับน้ำหนักได้ อย่างไรก็ตาม ห้ามใช้เหล็กชนิดนี้สำหรับงานโครงสร้างหลัก (เสา คาน)
- การรู้และเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้รับเหมาสามารถเลือกเหล็กที่เหมาะสมกับงาน และสื่อสารกับผู้ขายได้อย่างถูกต้อง การเลือก "เหล็กเต็ม" ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน "มอก." ที่ชัดเจนจะสร้างความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยให้กับงานของคุณ
ไทย